ภารกิจพิเศษ วิเคราะห์วรรรกรรมเรื่อง ขุนทึง (ขุนเทือง)
บทที่
1
สรุปเนื้อหานิทานพื้นบ้าน
เรื่องท้าวขุนทึง (ขุนเทือง)
เรื่องย่อ ขุนทึง
นครแห่งหนึ่งชื่อ พาราณสี มีกษัตริย์ นามว่า ขุนเทืองและนางวะรุณี
ปกครองบ้านเมือง ครั้งหนึ่งขุนเทืองต้องการจะออกเดินเที่ยวป่า
จึงออกเดินทางจากเมืองไปในป่าประมาณ 2 เดือน
จึงไปถึงแม่น้ำาแห่งหนึ่งเป็นสวนของพญานาค แล้วพระองค์ได้พบลูกสาวพญานาค ชื่อว่า
นางแอกใค้ เกิดรักใคร่กัน ขุนเทืองจึงตามนางไปยังบาดาลและอยู่ที่นั่นถึง 2 ปีกว่า
ในขณะที่ขุนเทืองไม่อยู่นี้ นางวะรุณีได้เอาหมอโหร มาทายดูว่าขุนเทืองอยู่ที่ใด
ได้รู้ว่าขุนเทืองอยู่ที่เมืองพญานาคกับลูกสาวพญานาค นางวะรุณีจึงบนบานให้พวกผีต่างๆ
เช่น ผีน้ำ, ผีเสื้อ, ผีตายาย(บรรพบุรุษ)
ผีเมือง เป็นต้น ตามไปบอกท้าวขุนเทืองกลับมาเมือง
ขุนเทืองจึงได้ลานางแอกใค้และพญานาคเพื่อจะกลับ
นางแอกใค้ได้มาส่งขุนเทืองถึงท่าน้ำ
ก่อนจะจากกันนางได้ล้วงเอาลูกในท้องแล้วเอาใบตองทึงห่อให้ขุนเทืองตอนกลับเมือง
เพื่อเอาไปเลี้ยง
เมื่อมาถึงเมืองแล้วนางวะรุณีไม่พอใจพยายามหาเรื่องเพื่อทำอันตรายต่างๆ นานา
ขุนเทืองเห็นท่าไม่ดีจึงให้เสนาอำมาตย์เอาลูกชายชื่อขุนทึงไปปล่อยไว้ในป่า
ขุนทึงอยู่ในป่าอย่างสุขสบาย เพราะมีเทวดาและสัตว์ต่างๆ มาดูแลรักษาเลี้ยงดู
ต่อมาประมาณ 1 ปี ขุนเทืองคิดถึงขุนทึงลูกชาย
จึงให้พวกอำมาตย์ออกไปสืบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
เมื่อทราบว่ายังมีชีวิตอยู่จึงไปเชิญเข้ามาอยู่ในเมือง
เมื่อขุนทึงโตเป็นหนุ่มมีรูปงามและต้องการอยากจะพบแม่ที่แท้จริง
จึงไปถามพ่อ ถึงที่อยู่ของแม่ พอทราบว่าแม่นั้นเป็นนาคอยู่ที่เมืองบาดาลจึงอำลาพ่อ
เพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนถามข่าวคราวแม่แล้วออกเดินทางไปตามที่พ่อบอกจนถึงท่านำแล้วเอาไม้ตีนำเรียกพวกนาคให้มาหา
พวกนาคถามดูรู้ว่าเป็นลูกของนางแอกใค้ จึงพาขุนทึงไปเมืองบาดาลของพญานาค
ขุนทึงได้พบแม่ ตา และยายแล้วอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานพอสมควร
จึงได้ลาแม่เพื่อกลับเมืองพาราณสีของพ่อ
นางแอกใค้แนะนำให้ลาตาแล้วขอของวิเศษเพื่อเป็นเครื่องติดตัวในการเดินทาง
เมื่อขุนทึงไปลาตา ตา ได้ให้ของที่วิเศษ 3 อย่าง มี หม้อทองแดง , ดาบ และหว่านขอค้า และมาถามวิธีใช้กับแม่
นางแอกใค้บอกวิธีใช้ว่า หม้อนั้นให้เอาเชือกคล้องคอหม้อลากไปและหว่านขอค้าใส่ลงไป
ถ้าหม้อไปเกาะหรือเกี่ยวกับอะไรให้หยุดนอนพักตรงนั้น แล้วค่อยไปต่อ
ส่วนดาบนั้นใช้ในการต่อสู้ กับข้าศึกศัตรู
ขุนทึงเมื่อแม่มาส่งถึงท่านำแล้วก็เดินทางต่อไปโดยปฏิบัติตามคำของแม่
ขุนทึงใช้เวลาเดินอยู่หลายวันก็ลากหม้อต่อไม่ได้เพราะติดอยู่กับอะไรบางอย่าง
เลยคิดหยุดพักค้างแรม และเอาหม้อมาเป็นหมอนหนุน
พอเมื่อตื่นขึ้นที่นั้นกลายเป็นเมืองใหญ่
ชื่อว่า นพบุรี และพบกับนางทึงนางทอง จึงอภิเษกเป็นมเหสีทั้งสองคน แล้วขุนทึงก็ครองเมืองนพบุรี
ต่อมาครั้งหนึ่งขุนทึงออกไปเที่ยวป่าคนเดียวเดินทางไปประมาณ 15 วัน ถึงป่าหิมพานต์
ได้พบนางชะนี ที่อยู่ใกล้กับอาศรมพระฤาษี
ขุนทึงเห็นนางชะนีแล้วนึกรักนางชะนีขึ้นมาเพราะชาติก่อนทั้งสองเคยเป็นคู่กัน
เวลาประมาณ 3 ปี ทั้งสองได้ลูกชาย 2 คนคนหนึ่งชื่อ อำคา คนสองชื่อ จันดา
ต่อมาขุนทึงได้พานางชะนีและลูกกลับมาเมืองนพบุรี
พอนางทึงนางทองเห็นจึงไม่พอและได้ปล่อยหมาให้ไล่นางชะนีออกไปจากเมือง
พระอินทร์เห็นจึงมาโปรดให้นางชะนี นั้นรูปงามล้นเหลือ
ต่อมาขุนทึงจึงได้ไปตามหานางนีและได้ครองราชอยู่เมืองนพบุรีแต่นั้นมา
ที่มา
: หนังสือนิทานท้าวขุนทึง
ปีที่แต่ง
– หนังสือเรื่องท้าวขุนทึงได้พิมพ์จำหน่ายครั้งแรกในปี 2503
ซึ่งสมัยนั้น
อ.กวีวงศ์และท่านมหากรมกิ่งแก้วได้ช่วยกันเรียบเรียงเป็น 2 เล่มจบ
แต่เมื่อท่านมหาหรมกิ่งแก้วได้ถึงแก่กรรม
อ.กวีวงศ์จึงได้นำต้นฉบับมาเรียบเรียงขึ้นใหม่ให้เป็นเล่มเดียวจบ และให้บริษัท
คลังนานานธรรม จำกัด จัดพิมพ์จำหน่ายต่อไป
ผู้เรียบเรียง –
เตชวโร ภิกขุ (อินตา กวีวงศ์) น.ธ.เอก ไม่ปรากฏผู้แต่ง
มูลเหตุสําคัญที่วรรณกรรมพื้นบ้านภาคอีสานไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง ก็เนื่องจากส่วนใหญ่
เป็นการแต่งตามแนวของนิทานชาดก ผู้แต่งถือเป็นการทําบุญสืบบวรพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง
กล่าวคือเป็นการบูชาพระรัตนตรัย
สำนักพิมพ์ - บริษัท คลังนานานธรรม
จำกัด อ.เมือง จ.ขอนแก่น
บทที่
2
วิเคราะห์เนื้อเรื่อง
2.1
ชื่อเรื่อง
– นิทานเรื่อง
"ท้าวขุนทึง ตั้งชื่อเรื่องตามชื่อของตัวละครเอก ขุนทึง เป็นบุตรชายของขุนเทืองกับนางแอกใค้
(นางแอกใค้คือบุตรสาวของพญานาค) ก่อนที่ขุนเทืองจะลานางแอกใค้กลับเมือง
นางแอกใค้ได้ล้วงเอาลูกออกจากท้องของตน แล้วนำใบตองทึง มาห่อลูกให้กับท้าวขุนเทือง
เพื่อที่จะนำลูกกลับไปเลี้ยงที่เมือง ท้าวขุนเทืองจึงตั้งชื่อลูกว่า ขุนทึง
2.2 แก่นเรื่อง - เป็นความรักที่ไม่มีขอบเขตจำกัดระหว่าง
มนุยษ์กับพญานาค (ขุนเทืองกับนางแอกใค้ที่เป็นลูกพญานาค) และ มนุยษ์กับชะนี
(ขุนเทืองกับชะนี)
2.3 โครงเรื่อง
เปิดเรื่อง
เปิดโดยการใช้คำกลอนอีสานแบบโบราณให้เห็นถึงความสำคัญของนิทานโบราณ
สอดแทรกคติความเชื่อทางพุทธศาสนาเข้ามาผสม
เพื่อสอนให้ลูกหลานรุ่นหลังสือทอดไม่ให้เสื่อมหาย
การดำเนินเรื่อง
ขุนเทืองครองเมืองได้อภิเษกกับนางรัตนะกัลยา
ขุนเทืองเข้าป่าพบรักกับนางแอกใค้ลูกสาวของพญานาคได้อยู่เมืองบาดาลและมีลูกด้วยกันชื่อขุนทึง
ขุนเทืองนำขุนทึงกลับมาเมืองด้วยแต่กลัวนางรัตนะกัลยาทำร้ายจึงนำลูกไปปล่อยป่า
จุดสูงสุด เมื่อขุนทึงโตเป็นหนุ่มอยากจะพบแม่ที่แท้จริง
จึงถามพ่อถึงที่อยู่ของแม่พอทราบว่าแม่นั้นเป็นนาคอยู่ที่เมืองบาดาลจึงอำลาพ่อเพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนถามข่าวแม่
แล้วออกเดินทางไปตามที่พ่อบอกจนถึงท่าน้ำแล้วเอาไม้ตีน้ำเรียกพวกนาคให้มาหา
ต่อมาครั้งหนึ่งขุนทึงออกไปเที่ยวป่าคนเดียวเดินทางไปประมาณ 15 วัน ถึงป่าหิมพานต์
ได้พบนางชะนีที่อยู่ใกล้กับอาศรมพระฤาษีนางชะนีได้แปลงกายเป็นคนแล้วใส่ยาเสน่ห์เพื่อให้ขุนทึงรัก
ขุนทึงได้หลงเสน่ห์ของนางชะนีแล้วได้อยู่กับนางชะนีที่ถ้ำในป่าหิมพานต์นั้นประมาณ3ปีได้ลูกชายคนหนึ่งชื่ออำคา
จบเรื่อง ขุนทึงตามนางนีกลับเมือง
และขุนทึงครองเมืองราชนพบุรี พร้อมนางนี นางทึงและนางทอง2.4 ตัวละคร
ตัวละครหลัก
1.
ขุนทึง – รูปร่างหน้าตาหล่อ มีวิชาอันแก่กล้า
และเป็นผู้มีบุญยิ่งนัก
2.
ขุนเทือง – เป็นพ่อของขุนทึง เจ้าชู้มีเมียเยอะ
3.
นางแอกใค้ – แม่ของขุนทึง แต่เป็นพญานาค ใจดี
รักขุนเทืองเพียงคนเดียว
4.
นางชะนี – เมียของขุนทึง
เป็นชะนีแต่ขุนทึงหลังรักเพราะชาติก่อนเคยรักกันมา
และได้มีพระอินทร์มาเสกให้นางชะนีนั้นมีโฉมงาม
5.
นางทึงนางทอง – เมียของขุนทึง
ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองเกิดจากหม้อทองแดงที่เป็นของวิเศษของขุนทึง
6.
นางวะรุณี – มเหสีของขุนเทือง ขี้อิจฉา
7.
พระยารัตนะราชา – พ่อของนางแอกใค้ มีจิตใจดี
2.5 ภาษา
ใช้ภาษาถิ่นอีสานในการแต่งและการดำเนินเรื่องทั้งหมด
ฉันท์ลักษณ์ในการแต่งเป็นบทกลอน
2.6 ฉาก
ฉากหลัก 1.ฉากในป่า
- ขุนเทืองและนางแอกใค้ได้พบรักกัน
- ขุนทึงได้พบกับนางแอกใค้ผู้เป็นแม่
- ขุนทึงเติบโตขึ้นท่ามกลางป่าไม้
- ขุนทึงเดินทางกลับเมืองและพบนางชะนี
ฉากรอง
1. ฉากเมืองบาดาล
- ขุนเทืองพบรักและอาศัยอยู่กับนางแอกใค้นาน
2 ปี
-
ขุนทึงตามหาแม่และอาศัยอยู่กับแม่ใต้บาดาล
2.
ฉากเมืองพาราณสี
- ขุนเทืองได้ครองเมืองพาราณสี
มีมเหสี และนางสนมมากมาย
3.
ฉากเมืองนพบุรี
- ขุนทึงได้เมืองนพบรี และเป็นเจ้าเมือง
มีมเหสีสองคนคือ นางทึงนางทองสองพี่น้อง
บทที่ 3
ความโดดเด่นของวรรณกรรม
มีความโดเด่นด้านเนื้อหาของเรื่อง
เพราะเป็นเรื่องที่มีทั้งเรื่องความรักเชิงชู้สาว และความรักจากพ่อแม่
เรื่องขุนทึงมีความแปลกและเป็นที่จดจำได้ง่ายคือ ความรักของมนุษย์และนาคซึ่งเป็นพ่อแและแม่ของขุนทึง
กล่าวคือ ขุนทึงนั้นเป็นคนที่เกิดจากมนุษย์และนาคจึงทำให้เรื่องมีความโดดเด่น
นอกจากนนั้นนิทานเรื่องขุนทึงยังเป็นชาดกโบราณ
แสดงถึงบูรพจรรยาที่พระพุทธเจ้าเคยบำเพ็ญมาในกาลก่อน
และเป็นชาติที่พระองค์เสวยทุกข์เวทนายิ่งกว่าชาติอื่นใด
บทที่
4
การนำไปประยุกต์ใช้
2. ลำสั้น
ขุนทึงเดินดง - หมอลำฉวีวรรณ
ดำเนิน
3 . หนังสือนิทานท้าวขุนทึง
4. สร้างสรรค์ให้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน จะทำเป็นตุ๊กตาถุงมือประกอบการเล่านิทานท้าวขุนทึง
สรุปอินโฟกราฟฟิค นิทานท้าวขุนทึง
นางสาวรัตน์วรา แสงนิกุล รหัส57210406422 หมู่4