วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

วรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง ขุนทึง





นางสาวรัตน์วรา    แสงนิกุล รหัส57210406422     หมู่4

วันจันทร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2560

กลุ่มที่1 เพลงร้องเล่นผู้ใหญ่

 ภาคใต้ เพลงบอก





ภาคอีสาน สอย



สมาชิกในกลุ่ม
1.นางสาวธัญวรัตน์ น้อยบุ่งค้า     หมู่ 3 รหัส 57210406315
2.นางสาวสาริณี แซ่โค้ว              หมู่ 3 รหัส 57210406322
3.นางสาวพัชรินทร์ ป้านภูมิ         หมู่ 3 รหัส 57210406333
4.นางสาวพรพรรณ แสนดี           หมู่ 4 รหัส 57210406418
5.นางสาวรัตน์วรา แสงนิกุล         หมู่ 4 รหัส 57210406422
6.นางสาวนุดสบา บุญเกตุ            หมู่ 4 รหัส 57210406423


ภารกิจพิเศษ วิเคราะห์วรรรกรรมเรื่อง ขุนทึง (ขุนเทือง)

 

บทที่ 1
สรุปเนื้อหานิทานพื้นบ้าน เรื่องท้าวขุนทึง (ขุนเทือง)
                เรื่องย่อ ขุนทึง
          นครแห่งหนึ่งชื่อ พาราณสี มีกษัตริย์ นามว่า ขุนเทืองและนางวะรุณี ปกครองบ้านเมือง ครั้งหนึ่งขุนเทืองต้องการจะออกเดินเที่ยวป่า จึงออกเดินทางจากเมืองไปในป่าประมาณ 2 เดือน จึงไปถึงแม่น้ำาแห่งหนึ่งเป็นสวนของพญานาค แล้วพระองค์ได้พบลูกสาวพญานาค ชื่อว่า นางแอกใค้ เกิดรักใคร่กัน ขุนเทืองจึงตามนางไปยังบาดาลและอยู่ที่นั่นถึง 2 ปีกว่า ในขณะที่ขุนเทืองไม่อยู่นี้ นางวะรุณีได้เอาหมอโหร มาทายดูว่าขุนเทืองอยู่ที่ใด ได้รู้ว่าขุนเทืองอยู่ที่เมืองพญานาคกับลูกสาวพญานาค นางวะรุณีจึงบนบานให้พวกผีต่างๆ เช่น ผีน้ำ, ผีเสื้อ, ผีตายาย(บรรพบุรุษ) ผีเมือง เป็นต้น ตามไปบอกท้าวขุนเทืองกลับมาเมือง ขุนเทืองจึงได้ลานางแอกใค้และพญานาคเพื่อจะกลับ นางแอกใค้ได้มาส่งขุนเทืองถึงท่าน้ำ ก่อนจะจากกันนางได้ล้วงเอาลูกในท้องแล้วเอาใบตองทึงห่อให้ขุนเทืองตอนกลับเมือง เพื่อเอาไปเลี้ยง เมื่อมาถึงเมืองแล้วนางวะรุณีไม่พอใจพยายามหาเรื่องเพื่อทำอันตรายต่างๆ นานา ขุนเทืองเห็นท่าไม่ดีจึงให้เสนาอำมาตย์เอาลูกชายชื่อขุนทึงไปปล่อยไว้ในป่า ขุนทึงอยู่ในป่าอย่างสุขสบาย เพราะมีเทวดาและสัตว์ต่างๆ มาดูแลรักษาเลี้ยงดู ต่อมาประมาณ 1 ปี ขุนเทืองคิดถึงขุนทึงลูกชาย จึงให้พวกอำมาตย์ออกไปสืบว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า เมื่อทราบว่ายังมีชีวิตอยู่จึงไปเชิญเข้ามาอยู่ในเมือง
         เมื่อขุนทึงโตเป็นหนุ่มมีรูปงามและต้องการอยากจะพบแม่ที่แท้จริง จึงไปถามพ่อ ถึงที่อยู่ของแม่ พอทราบว่าแม่นั้นเป็นนาคอยู่ที่เมืองบาดาลจึงอำลาพ่อ เพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนถามข่าวคราวแม่แล้วออกเดินทางไปตามที่พ่อบอกจนถึงท่านำแล้วเอาไม้ตีนำเรียกพวกนาคให้มาหา พวกนาคถามดูรู้ว่าเป็นลูกของนางแอกใค้ จึงพาขุนทึงไปเมืองบาดาลของพญานาค ขุนทึงได้พบแม่ ตา และยายแล้วอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานพอสมควร จึงได้ลาแม่เพื่อกลับเมืองพาราณสีของพ่อ นางแอกใค้แนะนำให้ลาตาแล้วขอของวิเศษเพื่อเป็นเครื่องติดตัวในการเดินทาง เมื่อขุนทึงไปลาตา ตา ได้ให้ของที่วิเศษ 3 อย่าง มี หม้อทองแดง , ดาบ และหว่านขอค้า และมาถามวิธีใช้กับแม่ นางแอกใค้บอกวิธีใช้ว่า หม้อนั้นให้เอาเชือกคล้องคอหม้อลากไปและหว่านขอค้าใส่ลงไป ถ้าหม้อไปเกาะหรือเกี่ยวกับอะไรให้หยุดนอนพักตรงนั้น แล้วค่อยไปต่อ ส่วนดาบนั้นใช้ในการต่อสู้ กับข้าศึกศัตรู ขุนทึงเมื่อแม่มาส่งถึงท่านำแล้วก็เดินทางต่อไปโดยปฏิบัติตามคำของแม่ ขุนทึงใช้เวลาเดินอยู่หลายวันก็ลากหม้อต่อไม่ได้เพราะติดอยู่กับอะไรบางอย่าง เลยคิดหยุดพักค้างแรม และเอาหม้อมาเป็นหมอนหนุน
        พอเมื่อตื่นขึ้นที่นั้นกลายเป็นเมืองใหญ่ ชื่อว่า นพบุรี และพบกับนางทึงนางทอง จึงอภิเษกเป็นมเหสีทั้งสองคน แล้วขุนทึงก็ครองเมืองนพบุรี ต่อมาครั้งหนึ่งขุนทึงออกไปเที่ยวป่าคนเดียวเดินทางไปประมาณ 15 วัน ถึงป่าหิมพานต์ ได้พบนางชะนี ที่อยู่ใกล้กับอาศรมพระฤาษี ขุนทึงเห็นนางชะนีแล้วนึกรักนางชะนีขึ้นมาเพราะชาติก่อนทั้งสองเคยเป็นคู่กัน เวลาประมาณ 3 ปี ทั้งสองได้ลูกชาย 2 คนคนหนึ่งชื่อ อำคา คนสองชื่อ จันดา ต่อมาขุนทึงได้พานางชะนีและลูกกลับมาเมืองนพบุรี พอนางทึงนางทองเห็นจึงไม่พอและได้ปล่อยหมาให้ไล่นางชะนีออกไปจากเมือง พระอินทร์เห็นจึงมาโปรดให้นางชะนี นั้นรูปงามล้นเหลือ ต่อมาขุนทึงจึงได้ไปตามหานางนีและได้ครองราชอยู่เมืองนพบุรีแต่นั้นมา

ที่มา : หนังสือนิทานท้าวขุนทึง

    ปีที่แต่ง หนังสือเรื่องท้าวขุนทึงได้พิมพ์จำหน่ายครั้งแรกในปี 2503 ซึ่งสมัยนั้น อ.กวีวงศ์และท่านมหากรมกิ่งแก้วได้ช่วยกันเรียบเรียงเป็น 2 เล่มจบ แต่เมื่อท่านมหาหรมกิ่งแก้วได้ถึงแก่กรรม อ.กวีวงศ์จึงได้นำต้นฉบับมาเรียบเรียงขึ้นใหม่ให้เป็นเล่มเดียวจบ และให้บริษัท คลังนานานธรรม จำกัด จัดพิมพ์จำหน่ายต่อไป
   ผู้เรียบเรียง เตชวโร ภิกขุ (อินตา กวีวงศ์) น.ธ.เอก  ไม่ปรากฏผู้แต่ง
มูลเหตุสําคัญที่วรรณกรรมพื้นบ้านภาคอีสานไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง ก็เนื่องจากส่วนใหญ่ เป็นการแต่งตามแนวของนิทานชาดก
  ผู้แต่งถือเป็นการทําบุญสืบบวรพุทธศาสนาอย่างหนึ่ง กล่าวคือเป็นการบูชาพระรัตนตรัย
   สำนักพิมพ์ - บริษัท คลังนานานธรรม จำกัด อ.เมือง จ.ขอนแก่น

บทที่ 2
วิเคราะห์เนื้อเรื่อง
   2.1 ชื่อเรื่อง –  นิทานเรื่อง "ท้าวขุนทึง ตั้งชื่อเรื่องตามชื่อของตัวละครเอก ขุนทึง เป็นบุตรชายของขุนเทืองกับนางแอกใค้ (นางแอกใค้คือบุตรสาวของพญานาค) ก่อนที่ขุนเทืองจะลานางแอกใค้กลับเมือง นางแอกใค้ได้ล้วงเอาลูกออกจากท้องของตน แล้วนำใบตองทึง มาห่อลูกให้กับท้าวขุนเทือง เพื่อที่จะนำลูกกลับไปเลี้ยงที่เมือง ท้าวขุนเทืองจึงตั้งชื่อลูกว่า ขุนทึง  
2.2 แก่นเรื่อง -  
เป็นความรักที่ไม่มีขอบเขตจำกัดระหว่าง มนุยษ์กับพญานาค (ขุนเทืองกับนางแอกใค้ที่เป็นลูกพญานาค) และ มนุยษ์กับชะนี (ขุนเทืองกับชะนี)
2.3 โครงเรื่อง
          เปิดเรื่อง เปิดโดยการใช้คำกลอนอีสานแบบโบราณให้เห็นถึงความสำคัญของนิทานโบราณ สอดแทรกคติความเชื่อทางพุทธศาสนาเข้ามาผสม เพื่อสอนให้ลูกหลานรุ่นหลังสือทอดไม่ให้เสื่อมหาย
          การดำเนินเรื่อง ขุนเทืองครองเมืองได้อภิเษกกับนางรัตนะกัลยา ขุนเทืองเข้าป่าพบรักกับนางแอกใค้ลูกสาวของพญานาคได้อยู่เมืองบาดาลและมีลูกด้วยกันชื่อขุนทึง ขุนเทืองนำขุนทึงกลับมาเมืองด้วยแต่กลัวนางรัตนะกัลยาทำร้ายจึงนำลูกไปปล่อยป่า
          จุดสูงสุด เมื่อขุนทึงโตเป็นหนุ่มอยากจะพบแม่ที่แท้จริง จึงถามพ่อถึงที่อยู่ของแม่พอทราบว่าแม่นั้นเป็นนาคอยู่ที่เมืองบาดาลจึงอำลาพ่อเพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนถามข่าวแม่ แล้วออกเดินทางไปตามที่พ่อบอกจนถึงท่าน้ำแล้วเอาไม้ตีน้ำเรียกพวกนาคให้มาหา ต่อมาครั้งหนึ่งขุนทึงออกไปเที่ยวป่าคนเดียวเดินทางไปประมาณ 15 วัน ถึงป่าหิมพานต์ ได้พบนางชะนีที่อยู่ใกล้กับอาศรมพระฤาษีนางชะนีได้แปลงกายเป็นคนแล้วใส่ยาเสน่ห์เพื่อให้ขุนทึงรัก ขุนทึงได้หลงเสน่ห์ของนางชะนีแล้วได้อยู่กับนางชะนีที่ถ้ำในป่าหิมพานต์นั้นประมาณ3ปีได้ลูกชายคนหนึ่งชื่ออำคา
          จบเรื่อง ขุนทึงตามนางนีกลับเมือง และขุนทึงครองเมืองราชนพบุรี พร้อมนางนี นางทึงและนางทอง
2.4 ตัวละคร
    ตัวละครหลัก
          1. ขุนทึง รูปร่างหน้าตาหล่อ มีวิชาอันแก่กล้า และเป็นผู้มีบุญยิ่งนัก
          2. ขุนเทือง เป็นพ่อของขุนทึง เจ้าชู้มีเมียเยอะ
          3. นางแอกใค้ แม่ของขุนทึง แต่เป็นพญานาค ใจดี รักขุนเทืองเพียงคนเดียว
          4. นางชะนี เมียของขุนทึง เป็นชะนีแต่ขุนทึงหลังรักเพราะชาติก่อนเคยรักกันมา และได้มีพระอินทร์มาเสกให้นางชะนีนั้นมีโฉมงาม
          5. นางทึงนางทอง เมียของขุนทึง ซึ่งเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองเกิดจากหม้อทองแดงที่เป็นของวิเศษของขุนทึง
          6. นางวะรุณี มเหสีของขุนเทือง ขี้อิจฉา
          7. พระยารัตนะราชา พ่อของนางแอกใค้ มีจิตใจดี
2.5 ภาษา
   ใช้ภาษาถิ่นอีสานในการแต่งและการดำเนินเรื่องทั้งหมด  ฉันท์ลักษณ์ในการแต่งเป็นบทกลอน

2.6 ฉาก
ฉากหลัก   1.ฉากในป่า

     - ขุนเทืองและนางแอกใค้ได้พบรักกัน

     - ขุนทึงได้พบกับนางแอกใค้ผู้เป็นแม่  

     - ขุนทึงเติบโตขึ้นท่ามกลางป่าไม้

     - ขุนทึงเดินทางกลับเมืองและพบนางชะนี

ฉากรอง
 1. ฉากเมืองบาดาล
  - ขุนเทืองพบรักและอาศัยอยู่กับนางแอกใค้นาน 2 ปี
  - ขุนทึงตามหาแม่และอาศัยอยู่กับแม่ใต้บาดาล
 2. ฉากเมืองพาราณสี
- ขุนเทืองได้ครองเมืองพาราณสี มีมเหสี และนางสนมมากมาย
3. ฉากเมืองนพบุรี
 - ขุนทึงได้เมืองนพบรี และเป็นเจ้าเมือง มีมเหสีสองคนคือ นางทึงนางทองสองพี่น้อง


บทที่ 3
ความโดดเด่นของวรรณกรรม
มีความโดเด่นด้านเนื้อหาของเรื่อง เพราะเป็นเรื่องที่มีทั้งเรื่องความรักเชิงชู้สาว และความรักจากพ่อแม่ เรื่องขุนทึงมีความแปลกและเป็นที่จดจำได้ง่ายคือ ความรักของมนุษย์และนาคซึ่งเป็นพ่อแและแม่ของขุนทึง กล่าวคือ ขุนทึงนั้นเป็นคนที่เกิดจากมนุษย์และนาคจึงทำให้เรื่องมีความโดดเด่น
นอกจากนนั้นนิทานเรื่องขุนทึงยังเป็นชาดกโบราณ แสดงถึงบูรพจรรยาที่พระพุทธเจ้าเคยบำเพ็ญมาในกาลก่อน และเป็นชาติที่พระองค์เสวยทุกข์เวทนายิ่งกว่าชาติอื่นใด

บทที่ 4
การนำไปประยุกต์ใช้

1.ลำล่องนิทานขุนเทืองขุนทึง--หมอลำบุญเพ็ง ไฝผิวชัย
https://www.youtube.com/watch?v=bUY62pSgvAg

2. ลำสั้น ขุนทึงเดินดง  - หมอลำฉวีวรรณ ดำเนิน


3 . หนังสือนิทานท้าวขุนทึง


4. สร้างสรรค์ให้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอน จะทำเป็นตุ๊กตาถุงมือประกอบการเล่านิทานท้าวขุนทึง

                                                     สรุปอินโฟกราฟฟิค  นิทานท้าวขุนทึง









นางสาวรัตน์วรา    แสงนิกุล  รหัส57210406422  หมู่4 




วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปริศนาคำทาย ท้องถิ่นตนเอง

หมวดเครื่องมือเครื่องใช้
1.กำหาง อ้าปาก อ้างับ อ้างับ คือผะเล๋อ : ช้อน
      2       4         3               1          6
2.ก่อนละไป เอาไฟจุด เสียงดังดัง คือผะเล๋อ บั้งไฟ
    3               2          
4         1             6
3.กะโตอยู่เฮือน ตาอยู่แป้น คือผะเลอ : ตะปู
      4                 2            1          6
4.ส่องเบิ่ง ญามเลอ กะคือผู้เจ้า คือผะเล๋อ : กระจก
     2        3            4          1            6
5.เป่าล่ะฮ้อง ปลงล่ะเซา คือผะเล๋อ : นกหวีด
     2              3             1           6

หมวดสัตว์
1.  ยืนต่ำ นั่งสูง  มิเซอเสื้อผ้า  คือผะเล๋อ : หมา
    
      3          4               1          6
2. หัวโหล่ง   ออกลูก     คือผะเล๋อ : มดส้ม
     
4           2            1             6
3. คือเสือ กะมิแม้น  เสือ  คือผะเลอ : แมว
     2         3         4        1          6
4. มิได๋หา ได๋แต่โห๋  ลอยไปลอยมา คือผะเล๋อ : งู
     2        3              4               1        6
5. โต๋จ่อยๆ เปลี๋ยนสีนำแดด คือผะเล๋อ : กะปอม
    
2                3              1             6

หมวดความเชื่อ/ประเพณี
1. ขอแต่ฝน   แห่สัตว์อยู่ เบิ้ดมื้อ  คือผะเลอ : แห่นางแมว
       2               3                  1                6
2. ออกไป  ยามเลอ  กะเป้ะ  คือผะเล๋อ : สงกรานต์
      4        2            3           1           6
3. ก่อนละเป็นพระ  ได้เป็นสัตว์เสียก่อน  คือผะเล๋อ : บวชนาค
          2                  3                     1             6
4. เงาดำๆ ได๋แต่ซื่อ เหลี่ยวกะมิเห็น  คือผะเล๋อ : ผี
     2          4              3               1        6
5. มาเด้อขวัญเอ้ย สู่เช้าสู่แลง คือผะเล๋อ : สู่ขวัญ
      2                  3             1            6

หมวดกิจกรรม
1. สองมือกำเต้า เอาป๋ะเป่า คือผะเล๋อ แคน
          2            3             1          6
2. ญางไป เกี่ยวไป กินข้าวฮาวเลอกะมิอิ่ม   คือผะเล๋อ รถเกี่ยวข้าว
      2        3              4                        1            6
3. ดิ้นอยู่ห้ม  ก้มแทงก้มแทง  คือผะเล๋อ แทงสนุ๊ก
      2             3                1               6
4. นั่งยองย่อ แอวมิเด้า แต่มือเด้า คือผะเล๋อ : คนลับมีด
       3           4          2           1                6
5. ฮ้องเยอะข้าว แต่คายข้าวออกมา คือผะเล๋อ : รถสีข้าว
      2                   3                  1             6    


หมวดอาหาร
1. ไก่ผะเล๋อ  ไฟแฮงกะไหม้   ไฟค้อยกะนานสุก คือผะเล๋อ  :  ไก่ทอด
                     2                  3                   1           6
2. แทงก้น  สอดคอ  ปิ้นไปปิ้นมา   คือผะเล๋อ
  : ไก่ยาง
       3        2           4                  1           6
3. มะไม้ผะเล๋อ ที่เขามัก  เอามาตำ  คือผะเล๋อ  : มะหุ๋ง
      4               2          3            1           6
4.  ดึกๆดื่นๆ   เกะซอง   เซอน้ำฮ้อนกิน   คือผะเล๋อ  :   โจ๊ก
         3           2             4                 1             6
5. กินปลาหมดตัว ซูดน้ำแฮงแซบ  คือผะเล๋อ : ต้มปลา
       2                  3                   1           6

หมวดดิน ฟ้า อากาศ ธรรมชาติ
1. เทวดาไห้   น้ำตาไหล  ลงมาเรื้อยๆ  คือผะเล๋อ ฝน
       2              4              3           1            6
2. ญางไปสิเลอ กะญางนำ  ออกแดดล่ะเห็น  คือผะเล๋อ : เงา
        4             3                 2               1          6
3. หลายๆสี  กินน้ำสำเลอ  กะมิอิ่ม คือผะเล๋อ : รุ้งกินน้ำ
        2                                1              6
4. ออกจากห้ม  ยามเลอ   กะฮ้อน   คือผะเล๋อ แดด
      2              3             4           1           
5. สุกเต็มฟ้า   เหลวเห็นแต่ยามมืด  คือผะเล๋อ : ดาว
       2                      4              1          6


หมวดผืช ผัก ผลไม้
1. ทางนอกสีเขียว ทางในสีแดง คือผะเล๋อ : แตงโม
       2                  3               1             6
2. ข้างนอก สดใส ข้างในได้แม่มด คือผะเล๋อ  : มะเดื่อ
        2      3          4                1            6
3. ตอนน้อยเป็นสีเขียว เฒ่ามาเป็นสีเหลือง คือผะเล๋อ มะม่วง
           4                     2                      1           6
4. ข้างนอกได๋หนาม ข้างในหอมหวาน    คือผะเลอ : ทุเรียน
       2                      3                     1            6
5. ลำยาวๆ  ใช้เอ็ดนำตาล  คือผะเล๋อ :   อ้อย
        2         3                 1              6
หมวดคน/อวัยวะ
1. แฮงกิน  แฮงใหญ่เอาะๆ  คือผะเล๋อ : พุง
     4           2                  1            6
2. ตัดแล้ว ตัดอีก ตัดสะเลอ   กะป่งใหม่  คือผะเล๋อ :  เส้นผม
     4        2         4                       1             6
3. ญามนอนมันตั้ง  ญามนั่งมันนอน  คือผะเล๋อ    เท้า
           2                               1             6
4. ชี้กะได่ จับกะได้ บายกะได้ คือผะเล๋อ : มือ
    2                     4           1        6
5. แข็งกะแข็ง เอาเว้นญ่ำข้าว คือผะเล๋อ : ฟัน
      2              3                 1           6


นางสาวรัตน์วรา  แสงนิกุล หมู่4 รหัส57210406422


วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง นิทานท้าวขุนทึง

วรรณกรรมท้องถิ่นเรื่อง นิทานท้าวขุนทึง

ภารกิจที่ 3/1

ไปตรวจสอบวรรณกรรมตัวเองว่าไปปรากฏที่ภูมิภาคอื่นหรือไม่ อย่างไร แล้วมีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร


ตอบ  วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง นิทานท้าวขุนทึง เป็นวรรณกรรมพื้นบ้านเฉพาะท้องถิ่นแพร่กระจายอยู่ในท้องถิ่นภาคอีสานและประเทศลาวเท่านั้น ไม่ปรากฏว่ามีเนื้อเรื่องทำนองเดียวกันในภาคอื่นๆ

          วรรณกรรมอีสานและลาวนั้นมีลักษณะที่เหมือนกันหรือใกล้เคียงกันทั้งด้านคติ ความเชื่อ ค่านิยม สังคม วัฒนธรรม ตลอดถึงจารีตประเพณี มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจเหมือนกัน คือ เป็นวรรณกรรมของชาวบ้านอย่างแท้จริง และยังได้สอดแทรกจริยธรรม คติธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเข้าไว้ในวรรณกรรมด้วย เพื่อเป็นการสอนศีลธรรมจริยธรรมแก่ประชาชนไปในตัว




นางสาวรัตน์วรา  แสงนิกุล รหัสนักศึกษา57210406422 หมู่4

วันเสาร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2560

ภารกิจที่2/1 อินโฟกราฟิก
เรื่องนิทานท้าวขุนทึง





นางสาวรัตน์วรา แสงนิกุล
รหัส57210406422 หมู่4







วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง นิทานท้าวขุนทึง


วิเคราะห์วรรณกรรมท้องถิ่น เรื่อง นิทานท้าวขุนทึง

                                                          ภารกิจที่๑/๑
๑. วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
         
นิทานเรื่องท้าวขุนทึง ตั้งชื่อเรื่องตามชื่อของตัวละครเอก ขุนทึง เป็นบุตรชายของขุนเทืองกับนางแอกใค้ (นางแอกใค้คือบุตรสาวของพญานาค) ก่อนที่ขุนเทืองจะลานางแอกใค้กลับเมือง นางแอกใค้ได้ล้วงเอาลูกออกจากท้องของตน แล้วนำใบตองทึง มาห่อลูกให้กับท้าวขุนเทือง เพื่อที่จะนำลูกกลับไปเลี้ยงที่เมือง ท้าวขุนเทืองจึงตั้งชื่อลูกว่า ขุนทึง๒. แก่นเรื่อง
          ความรักที่ไร้ขอบเขต เป็นความรักที่ไม่มีขอบเขตจำกัดระหว่าง มนุยษ์กับพญานาค(ขุนเทืองกับนางแอกใค้ที่เป็นลูกพญานาค) และ มนุยษ์กับชะนี(ขุนเทืองกับชะนี)
๓. โครงเรื่อง
          เปิดเรื่อง เปิดโดยการใช้คำกลอนอีสานแบบโบราณให้เห็นถึงความสำคัญของนิทานโบราณ สอดแทรกคติความเชื่อทางพุทธศาสนาเข้ามาผสม เพื่อสอนให้ลูกหลานรุ่นหลังสือทอดไม่ให้เสื่อมหาย
          การดำเนินเรื่อง ขุนเทืองครองเมืองได้อภิเษกกับนางรัตนะกัลยา ขุนเทืองเข้าป่าพบรักกับนางแอกใค้ลูกสาวของพญานาคได้อยู่เมืองบาดาลและมีลูกด้วยกันชื่อขุนทึง ขุนเทืองนำขุนทึงกลับมาเมืองด้วยแต่กลัวนางรัตนะกัลยาทำร้ายจึงนำลูกไปปล่อยป่า
          จุดสูงสุด เมื่อขุนทึงโตเป็นหนุ่มอยากจะพบแม่ที่แท้จริง จึงถามพ่อถึงที่อยู่ของแม่พอทราบว่าแม่นั้นเป็นนาคอยู่ที่เมืองบาดาลจึงอำลาพ่อเพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนถามข่าวแม่ แล้วออกเดินทางไปตามที่พ่อบอกจนถึงท่าน้ำแล้วเอาไม้ตีน้ำเรียกพวกนาคให้มาหา ต่อมาครั้งหนึ่งขุนทึงออกไปเที่ยวป่าคนเดียวเดินทางไปประมาณ
15 วัน ถึงป่าหิมพานต์ ได้พบนางชะนีที่อยู่ใกล้กับอาศรมพระฤาษีนางชะนีได้แปลงกายเป็นคนแล้วใส่ยาเสน่ห์เพื่อให้ขุนทึงรัก ขุนทึงได้หลงเสน่ห์ของนางชะนีแล้วได้อยู่กับนางชะนีที่ถ้ำในป่าหิมพานต์นั้นประมาณ3ปีได้ลูกชายคนหนึ่งชื่ออำคา
          จบเรื่อง ขุนทึงตามนางนีกลับเมือง และขุนทึงครองเมืองราชนพบุรี พร้อมนางนี นางทึงและนางทอง
๔. วิเคราะห์ตัวละคร
          ๑. ขุนเทือง พ่อของขุนทึง เจ้าชู หน้าตาหล่อคมเข้ม
          ๒. นางแอกใค้ แม่ของขุนทึง เป็นพญานาคมีฤทธิพิเศษ รูปร่างหน้าตาสวย
          ๓ ขุนทึง หล่อคมเหมือนพ่อและเจ้าชู หัวดื้อไม่ยอมคน
          ๔. นางชะนี มีจิตใจดี โชคดีได้มนต์จากฤาษีได้แปลงกายเป็นมนุษย์มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงาม


นางสาวรัตน์วรา แสงนิกุล รหัสนักศึกษา๕๗๒๑๐๔๐๖๔๒๒ หมู่๔